งานเขียนแบบสถาปตยกรรม
รูปที่ 18.1
2D Drafting
Note กอนทีจ่ ะทําแบบฝกหัดนี้ เราควรทีจ่ ะตัง้ คาเริม่ ตนตางๆ ใหตรงกันเสียกอน โดยใชคําสัง่ Tools4Options
ð User Preferences ð ใหแนใจวาปรากฏเครื่องหมาย หนาเช็คบอกซ Shortcut menu in drawing
area ðใหแนใจวาปรากฏเครือ่ งหมาย หนาเช็คบอกซ Turn on time-sensitive right-click แลวคลิก
แถบคําสัง่ Display ใหแนใจวา Crosshair size = 100 เปอรเซนตและใชคําสั่ง Tools4Drafting Settings
ð Object Snap กําหนดโหมดออฟเจกทสแนปใชงานคือ Endpoint, Midpoint, Center, Intersection
และ Extension รวมทั้งใหแนใจวาบรรทัดแสดงสถานะปรากฏ SNAP = ปด(OFF), GRID = ปด,
ORTHO = ปด, POLAR = เปด, OSNAP = เปด(ON), OTRACK = ปด, DYN = เปด, LWT = ปด
Specify lower left corner or [ON/OFF] <0.0000,0.0000>: {กดปุม Q เพือ่ ใชคา มุมซายลาง
เทากับ 0,0 เสมอ}
Specify upper right corner <420.0000,297.0000>: 20,15 {กําหนดมุมขวาบนขอบเขตลิมติ
20,15}
Note 20,15 ไดมาจากขนาดคราวๆ ของชิน้ งานในรูปที่ 18.1 ซึง่ ชิน้ งานมีความยาวประมาณ 12 หนวย (เมตร)
มีความสูงประมาณ 9 หนวย (เมตร) ดังนั้น เราสามารถกําหนดขอบเขตลิมิตใหมคราวๆ โดยใชคา
20,15 ซึง่ มีขนาดใหญกวาชิน้ งานประมาณสองเทา อยางไรก็ตาม เราใชขอบเขตลิมติ เพือ่ ปรับขนาดของ
พื้นที่วาดภาพใหเหมาะสมกับขนาดของชิน้ งาน ซึ่งจะใชเฉพาะตอนเริ่มตนเขียนชิ้นงานเทานั้น
4. ใชคาํ สัง่ View4Zoom4All เพือ่ ขยายขอบเขตลิมติ ทีเ่ ราไดกาํ หนดใหมขี นาดใหญเต็มพืน้ ที่
วาดภาพ
5. ปรับระยะสแนปและกริด(Grid)ใหมใหเหมาะสมกับขอบเขตลิมติ โดยคลิกขวาบนปุม
บนบรรทัดแสดงสถานะ แลวเลือกคําสัง่ Settings หรือใชคําสัง่ Tools4Drafting Settings
จะปรากฏไดอะล็อค Drafting Settings ใหเลือกแถบคําสัง่ Snap and Grid แลวกําหนด Snap X
รูปที่ 18.2 Spacing, Snap Y Spacing เทากับ 0.5 หนวยและกําหนด
Grid X Spacing, Grid Y Spacing เทากับ 0 (ศูนย) แลวคลิก
OK เพือ่ ออกจากไดอะล็อค เคอรเซอรครอสแฮรจะสามารถ
เลือ่ นไดอยางอิสระ พรอมทัง้ ปรากฏจุดกริดและขอบเขตลิมติ
ดังรูปที่ 18.2
6. ใชคําสั่ง Format4Layer แลวคลิกบนปุม สราง
เลเยอรใหมชื่อ Outline รหัสสี Color = White (สีขาว),
Linetype = Continuous, Lineweight = 0.25 mm. เพือ่ เก็บ
เสนแนวเสาและแนวพืน้ ตางๆ แลวคลิกบนปุม กําหนดให
รูปที่ 18.4
รูปที่ 18.5
10. กดปุม ฟงชัน่ คีย * เพือ่ ปดโหมดออรโธ(Ortho) กดปุม ฟงชัน่ คีย ( เพือ่ ปดโหมดสแนป(Snap)
และปุม & เพือ่ ปดโหมดแสดงจุดกริด(Grid)
12. จากรูปที่ 18.5 (ขวา) เริม่ สรางเสนคูขนาน หางจากเสนจุดที่ 1 ไปทางขวาที่ระยะ 0.55, 3.75,
5.95, 8.95, 9.65, 10.95 โดยใชคําสัง่ Modify4Offset
รูปที่ 18.6
รูปที่ 18.7
รูปที่ 18.9
2D Drafting
18. จากรูปที่ 18.9 ตัดเสนทีไ่ มตอ งการ โดยใชคาํ สัง่ Modify4Trim ตามวิธใี นขอ 17 ใหแนใจวา
OSNAP # อยูในสถานะปด เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects or <select all>: คลิกบน
เสนขอบตัดจุดที่ 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select object to trim ...
เลือกตัวเลือก F เมือ่ ปรากฏขอความ Specify first fence point:... คลิกจุดที่ 7 และ 8 แลวคลิกขวา
เมือ่ ปรากฏขอความ Select object to trim ... เลือกตัวเลือก F เมือ่ ปรากฏขอความ Specify first
fence point:... คลิกจุดที่ 9 และ 10 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select object to trim ...
เลือกตัวเลือก F เมือ่ ปรากฏขอความ Specify first fence point:... คลิกจุดที่ 11 และ 12 แลว
คลิกขวา เมื่อปรากฏขอความ Select object to trim ... เลือกตัวเลือก F เมือ่ ปรากฏขอความ
Specify first fence point:... คลิกจุดที่ 13 และ 14 แลวคลิกขวา แลวคลิกขวาอีกครัง้ เพือ่ ออก
จากคําสัง่
19. จากรูปที่ 18.9 ตัดเสนทีไ่ มตอ งการตอไป โดยคลิกขวาเพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่ TRIM หรือใชคาํ สัง่ Modify
4Trim ตามวิธีในขอ 17 ใหแนใจวา OSNAP # อยูในสถานะปด เมื่อปรากฏขอความ
Select objects or <select all>: คลิกบนเสนขอบตัดจุดที่ 2, 3, 4 และ 5 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏ
ขอความ Select object to trim ... เลือกตัวเลือก F เมือ่ ปรากฏขอความ Specify first fence
point:... คลิกจุดที่ 15 และ 16 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select object to trim ... เลือก
ตัวเลือก F เมือ่ ปรากฏขอความ Specify first fence point:... คลิกจุดที่ 17 และ 18 แลวคลิกขวา
เมือ่ ปรากฏขอความ Select object to trim ... เลือกตัวเลือก F เมือ่ ปรากฏขอความ Specify first
fence point:... คลิกจุดที่ 19 และ 20 แลวคลิกขวา แลวคลิกขวาอีกครัง้ เพือ่ ออกจากคําสัง่
20. จากรูปที่ 18.9 ตัดเสนทีไ่ มตอ งการตอไป โดยคลิกขวาเพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่ TRIM หรือใชคาํ สัง่ Modify
4Trim ตามวิธีในขอ 17 ใหแนใจวา OSNAP # อยูในสถานะปด เมื่อปรากฏขอความ
Select objects or <select all>: คลิกบนเสนขอบตัดจุดที่ 1, 21, 2, 3, 22, และ 6 แลวคลิกขวา
เมือ่ ปรากฏ ขอความ Select object to trim ... เลือกตัวเลือก F เมือ่ ปรากฏขอความ Specify first
fence point:... คลิกจุดที่ 16 และ 23 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select object to trim ...
เลือกตัวเลือก F เมื่อปรากฏขอความ Specify first fence point:... คลิกจุดที่ 24 และ 25
แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select object to trim ... เลือกตัวเลือก F เมือ่ ปรากฏขอความ
Specify first fence point:... คลิกจุดที่ 26 และ 27 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select
object to trim ... เลือกตัวเลือก F เมือ่ ปรากฏขอความ Specify first fence point:... คลิกจุดที่ 20
และ 28 แลวคลิกขวา แลวคลิกขวาอีกครัง้ เพือ่ ออกจากคําสัง่
21. จากรูปที่ 18.9 ตัดเสนทีไ่ มตอ งการตอไป โดยคลิกขวาเพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่ TRIM หรือใชคาํ สัง่ Modify
4Trim ตามวิธีในขอ 17 ใหแนใจวา OSNAP # อยูในสถานะปด เมื่อปรากฏขอความ
Select objects or <select all>: คลิกบนเสนขอบตัดจุดที่ 2, 3, 22, 4 และ 29 แลวคลิกขวา
เมือ่ ปรากฏ ขอความ Select object to trim ... เลือกตัวเลือก F เมือ่ ปรากฏขอความ Specify first
fence point:... คลิกจุดที่ 30 และ 31 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select object to trim ...
รูปที่ 18.10
22. จากรูปที่ 18.10 ตัดเสนทีไ่ มตอ งการตอไป โดยคลิกขวาเพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่ TRIM หรือใชคาํ สัง่ Modify
4Trim ตามวิธีในขอ 17 ใหแนใจวา OSNAP # อยูในสถานะปด เมื่อปรากฏขอความ
Select objects or <select all>: คลิกบนเสนขอบตัดจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ
Select object to trim ... คลิกบนเสนจุดที่ 2 และ 5 แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่
23. จากรูปที่ 18.10 ตัดเสนทีไ่ มตอ งการตอไป โดยคลิกขวาเพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่ TRIM หรือใชคาํ สัง่ Modify
4Trim ตามวิธีในขอ 17 ใหแนใจวา OSNAP # อยูในสถานะปด เมื่อปรากฏขอความ
Select objects or <select all>: คลิกบนเสนขอบตัดจุดที่ 3 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ
Select object to trim ... คลิกบนเสนจุดที่ 4 แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่
24. จากรูปที่ 18.10 ตัดเสนทีไ่ มตอ งการตอไป โดยคลิกขวาเพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่ TRIM หรือใชคาํ สัง่ Modify
4Trim ตามวิธีในขอ 17 ใหแนใจวา OSNAP # อยูในสถานะปด เมื่อปรากฏขอความ
Select objects or <select all>: คลิกบนเสนขอบตัดจุดที่ 6 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ
Select object to trim ... คลิกบนเสนจุดที่ 7 แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่
25. จากรูปที่ 18.10 ใหแนใจวาเลเยอร เปนเลเยอรใชงาน สรางเสนคู
ขนานในแนวดิ่ง สรางเสนขอบปูนปน โดยใชคําสัง่ Modify4Offset ตามวิธีในขอที่ 12
ใหแนใจวา Layer = Current เพื่อกําหนดใหเสนคูขนานยายเขาไปอยูในเลเยอรใชงาน แลว
กําหนดระยะหาง 0.1 หนวย โดยคลิกบนเสนตรงจุดที่ 8 ในบรรทัด Select object to offset...
แลวคลิกจุดที่ 9 ในบรรทัด Specify point on side to offset... แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่
จะปรากฏดังรูปที่ 18.11 (ซาย)
รูปที่ 18.11
รูปที่ 18.12
รูปที่ 18.13
2D Drafting
รูปที่ 18.15
รูปที่ 18.16
รูปที่ 18.18
ขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Specify base point... ใหแนใจวา # อยูใ นสถานะเปด คลิก
จุดที่ 3 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify second point... คลิกจุดที่4 จะปรากฏดังรูปที่18.18 (ขวา)
48. ขยายชิน้ งานใหปรากฏเต็มพืน้ ทีว่ าดภาพ โดยใชคําสัง่ View4Zoom4Extents 2D Drafting
จะปรากฏ
ดังรูปที่ 18.19
รูปที่ 18.19
49. จากรูปที่ 18.19 ลดความยาวเสน โดยใชคาํ สัง่ Modify4Lengthen ตามวิธใี นขอ 27 โดยใช
ระยะ DElta = -1.6 แลวคลิกบนเสนตรงจุดที่ 1 และ 2 จะปรากฏดังรูปที่ 18.20 (ซาย)
รูปที่ 18.20
50. จากรูปที่ 18.20 (ซาย) สรางสวนโคงฟลเลท โดยใชคาํ สัง่ Modify4Fillet พิมพ R เพือ่ กําหนด
รัศมี แลวกําหนดรัศมี 1.5 หนวย คลิกบนเสนจุดที่ 1 และ 2 จะปรากฏดังรูปที่ 18.20 (ขวา)
51. จากรูปที่ 18.20 (ขวา) ใหแนใจวาเลเยอร เปนเลเยอรใชงาน สรางเสน
คูข นาน โดยใชคําสัง่ Modify4Offset ตามวิธใี นขอที่ 12 ใหแนใจวา Layer = Current เพือ่
กําหนดใหเสนคูขนานยายเขาไปอยูในเลเยอรใชงาน เมื่อปรากฏขอความ Specify offset
distance... กําหนดระยะหาง 0.1 หนวย เมือ่ ปรากฏขอความ Select object to offset... คลิกบน
เสนจุดที่ 3 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify point on side to offset... ปดโหมด # คลิก
จุดที่ 4 ในบรรทัด เมือ่ ปรากฏขอความ Select object to offset... คลิกบนเสนจุดที่ 5 เมือ่ ปรากฏ
ขอความ Specify point on side to offset... คลิกจุดที่ 6 ในบรรทัด เมือ่ ปรากฏขอความ Select
object to offset... คลิกบนเสนจุดที่ 7 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify point on side to offset...
คลิกจุดที่ 8 แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 18.21 (ซาย)
รูปที่ 18.22
รูปที่ 18.23
2D Drafting
56. จากรูปที่ 18.23 (ซาย) เริม่ เขียนเสนชัว่ คราว กําหนดแนวกรอบวงกบ โดยกอนอืน่ เปลีย่ นเลเยอร
0 (ศูนย) เปนเลเยอรใชงาน สรางเสนคูขนาน โดยใชคําสั่ง Modify4
Offset ตามวิธีในขอที่ 12 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify offset distance... ใหแนใจวา
Layer = Current เพือ่ กําหนดใหเสนคูข นานยายเขาไปอยูใ นเลเยอรใชงาน พิมพระยะหาง 0.6
หนวย เมื่อปรากฏขอความ Select object to offset... คลิกเสนจุดที่ 1 เมือ่ ปรากฏขอความ
Specify point on side to offset... คลิกจุดที่ 2 เมือ่ ปรากฏขอความ Select object to offset...
คลิกเสนจุดที่ 4 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify point on side to offset... คลิกจุดที่ 2 แลวคลิกขวา
เพือ่ ออกจากคําสัง่ คลิกขวาหรือ Q เพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่ OFFSET เมือ่ ปรากฏขอความ Specify
offset distance... พิมพระยะหาง 2 หนวย เมือ่ ปรากฏขอความ Select object to offset...
คลิกเสนจุดที่ 3 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify point on side to offset... คลิกจุดที่ 2 แลวคลิกขวา
เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 18.23 (ขวา)
57. จากรูปที่ 18.23 (ขวา) เริม่ เขียนกรอบวงกบ โดยเปลี่ยนเลเยอร เปน
เลเยอรใชงาน เขียนเสนคูข นาน โดยใชคําสัง่ Draw4Multiline
รูปที่ 18.25
2D Drafting
64. จากรูปที่ 18.25 (ขวา) เขียนเสนคูข นานซึง่ จะใชเปนคิว้ กระจก โดยใชคําสัง่ Draw4Multiline
เมื่อปรากฏขอความ Specify start point or [Justification/Scale/STyle]: พิมพ J เพื่อเลือก
Justification พิมพ Z เพือ่ เลือก Zero เมือ่ ปรากฏขอความ Specify start point... พิมพ S เพือ่ เลือก
Scale พิมพคา 0.05 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify start point... เลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 4
คลิกซาย เมือ่ ปรากฏ มารคเกอร ตรงจุดที่ 4 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify next point: เลือ่ น
เคอรเซอรไปยังจุดที่ 5 คลิกซาย เมื่อปรากฏมารคเกอร ตรงจุดที่ 5 แลวคลิกขวา จะปรากฏ
ดังรูปที่ 18.26 (ซาย)
65. จากรูปที่ 18.26 (ซาย) ใชคําสัง่ Format4Unit มีการเลือกหนวยวัด Meters ในแถบรายการ
Units to scale inserted contents แลวออกจากไดอะล็อค แลวแปลงเสนคิว้ กระจกใหเปนบล็อค
โดยใชคําสัง่ Draw4Block4Make จะปรากฏไดอะล็อค Block Definition ดังรูปที่ 17.40
(ซาย) ตัง้ ชือ่ บล็อค D1 ในแถบรายการ Name คลิกบนปุม Select objects แลวคลิกบนเสน
มัลติไลนตรงจุดที่ 1 แลวกดปุม Q เพือ่ กลับสูไ ดอะล็อค ใหแนใจวาปุม เรดิโอ Delete ถูกเลือก
อยู คลิกบนปุม Pick Point ให แนใจวา # อยูใ นสถานะเปด เลือ่ นเคอรเซอรไปยัง
จุดที่ 2 คลิกซาย เมื่อปรากฏมารคเกอร ตรงจุดที่ 2 ใหแนใจวาปรากฏเครื่องหมาย บน
เช็คบอกซ Allow exploding ใหแนใจวา Block unit = Meters แลวคลิกบนปุม OK คิว้ กระจก
จะถูกแปลงเปนบล็อคและถูกลบออกจากพืน้ ทีว่ าดภาพ
66. จากรูปที่ 18.26 (ซาย) แบงเสนขอบบานประตูออกเปน 5 สวนเทาๆ กัน โดยใชบล็อค D1 ที่ถกู
สรางในขอทีแ่ ลวเปนตัวแบง โดยใชคําสัง่ Draw4Point4Divide
รูปที่ 18.27
2D Drafting
รูปที่ 18.28
รูปที่ 18.29
Note ตอไปเราจะเริ่มเขียนสวนประกอบของหนาตางโคงซึ่งอยูเหนือประตูหนาบานที่เราไดสรางเสร็จแลว
โดยจะตองสร างเสนกําหนดขอบเขตใหพอดีกับ กรอบวงกบ โดยใช คําสั่ ง Modify 4Offset
เมือ่ กําหนดขอบเขตแลว จึงใชคําสัง่ Draw4 Boundary เพือ่ สรางเสนขอบนอกสุดของกรอบวงกบ
แลวใชคําสั่ง Modify4Offset สราง เสนคูข นานเปนเสนขอบในของวงกบ เราไมสามารถใชคําสัง่
Draw4Multiline กับหนาตางโคงชุด นีไ้ ด เนือ่ งจากมัลติไลนไมสามารถเขียนสวนโคง จึงจําเปนตอง
ใชคําสั่ง Modify4Offset แทน
รูปที่ 18.31
รูปที่ 18.32
รูปที่ 18.33
2D Drafting
90. จากรูปที่ 18.33 (ซาย) เริม่ เขียนกรอบวงกบเอียง 135 องศา โดยใชคําสัง่ Draw4Multiline
91. จากรูปที่ 18.33 (ซาย) คลิกขวาเพือ่ ทําซ้ําคําสัง่ MLINE หรือใชคําสัง่ Draw4Multiline เขียน
กรอบวงกบเอียงทํามุม 45 องศา ตามวิธใี นขอ 90 โดยเลื่อนเคอรเซอรไปยังจุดที่ 2 คลิกซาย
เมือ่ ปรากฏมารคเกอร พิมพรเี ลทีฟคอรออรดเิ นท @2<45 แลวกดปุม Q จะปรากฏดังรูปที่
18.33 (ขวา)
92. จากรูปที่ 18.33 (ขวา) ตัดเสนที่ไมตองการ โดยใชคําสัง่ Modify4Trim ตามวิธีในขอ 17
เมือ่ ปรากฏขอความ Select objects or <select all>: คลิกบนเสนจุดที่ 3 และ 4 เพือ่ กําหนดเปน
เสนขอบตัด เมือ่ ปรากฏขอความ Select object to trim... คลิกบนเสนมัลติไลนจดุ ที่ 5, 6, 7 และ
8 แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 18.34 (ซาย)
รูปที่ 18.34
รูปที่ 18.35
รูปที่ 18.36
101. จากรูปที่ 18.36 (ขวา) สรางเสนคูข นานชัว่ คราว โดยใชคาํ สัง่ Modify4Offset ตามวิธใี นขอที่
12 เมือ่ ปรากฏ Specify offset distance... กําหนดระยะหาง 0.2 หนวย เมือ่ ปรากฏ Select
object to offset... คลิกเสนจุดที่ 4 เมือ่ ปรากฏ Specify point on side to offset... คลิกจุดที่ 6
เมือ่ ปรากฏ Select object to offset... แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ คลิกขวาเพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่
OFFSET เมื่อปรากฏ Specify offset distance... กําหนดระยะหาง 1.35 หนวย เมื่อปรากฏ
Select object to offset... คลิกเสนจุดที่ 4 เมือ่ ปรากฏ Specify point on side to offset... คลิกจุดที่
6 เมือ่ ปรากฏ Select object to offset... แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ คลิกขวาเพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่
รูปที่ 18.37 OFFSET เมื่อปรากฏ Specify offset distance... กําหนดระยะหาง 0.75 หนวย เมื่อปรากฏ
Select object to offset... คลิกเสนจุดที่
5 เมือ่ ปรากฏ Specify point on side to
offset... คลิกจุดที่ 6 เมือ่ ปรากฏ Select
object to offset... แลวคลิกขวา เพื่อ
ออกจากคําสัง่ คลิกขวาเพือ่ ทําซ้าํ คําสัง่
OFFSET เมื่อปรากฏ Specify offset
distance... กําหนดระยะหาง 1.1 หนวย
เมื่อปรากฏ Select object to offset...
รูปที่ 18.41
รูปที่ 18.42
111. จากรูปที่ 18.42 (ซาย) ใชคาํ สัง่ Tools4Display Order4Bring Above Object เมือ่ ปรากฏ
ขอความ Select objects: คลิกบนไวบเอาทตรงจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select
reference objects: คลิกบนเสนสวนประกอบของบล็อคหนาตางตรงจุดที่ 2 แลวคลิกขวา
จะปรากฏดังรูปที่ 18.42 (กลาง)
112. ซอนเสนขอบของไวบเอาท โดยใชคําสัง่ Draw 4Wipeout เมือ่ ปรากฏขอความ Specify first
point or [Frames/Polyline] <Polyline>: พิมพตัวเลือก F เมื่อปรากฏขอความ Enter mode
[ON/OFF] <ON>: พิมพตวั เลือก OFF เสนขอบไวบเอาทจะถูกซอนดังรูปที่ 18.42 (ขวา)
113. ตอไปกอนทีเ่ ราจะสรางหลังคา เราควรใชคาํ สัง่ View4Zoom4Extents แลวตรวจสอบสวน
ประกอบตางๆ ของชิ้นงาน แลวหาจุดทีย่ ังตัดเสนไมครบถวน แลวใชคําสั่ง Modify4Trim
ตัดเสนใหครบถวน จนกระทัง่ ปรากฏดังรูปที่ 18.43
รูปที่ 18.43
รูปที่ 18.44
115. จากรูปที่ 18.44 (ขวา) เปลีย่ นเลเยอรใหกบั เสน โดยในขณะทีบ่ รรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่
ใดๆ คลิกเสนตรงจุดที่ 1 ใหปรากฏจุดกริ๊ปส เลือกเลเยอร จากแถบ
รายการควบคุมเลเยอร แลวกดปุม D เสนตรงทีถ่ ูกเลือกจะยายไปอยูใ นเลเยอร Roof
รูปที่ 18.45
รูปที่ 18.46
(1) (2) (3) (4)
122. จากรูปที่ 18.46 (1) สรางเสนคูข นาน โดยใชคําสัง่ Modify4Offset ตามวิธีในขอที่ 12 เมือ่
ปรากฏ Specify offset distance... กําหนดระยะหาง 0.03 หนวย เมือ่ ปรากฏ Select object to
offset... คลิกเสนจุดที่ 1 เมือ่ ปรากฏ Specify point on side to offset... คลิกจุดที่ 2 เมือ่ ปรากฏ
Select object to offset... แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 18.46 (2)
รูปที่ 18.47
รูปที่ 18.52
137. จากรูปที่ 18.52 ตัดเสน โดยใชคําสัง่ Modify4Trim ตามวิธใี นขอ 17 เมือ่ ปรากฏขอความ
Select objects or <select all>: คลิกบนเสนตรงจุดที่ 1 แลวคลิกขวา เมือ่ ปรากฏขอความ Select
object to trim ... คลิกบนเสนจุดที่ 2 และ 3 แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่
138. จากรูปที่ 18.52 คัดลอกวัตถุแบบพลิกกลับ โดยใชคําสัง่ Modify4Mirror
รูปที่ 18.53
Command: _line Specify first point: {คลิก ณ จุดใดๆ บนพืน้ ทีว่ าดภาพ}
Specify next point or [Undo]: {พิมพ @0.185<90 แลวกดปุม Q }
Specify next point or [Undo]: {คลิกขวาหรือกดปุม
Q จะปรากฏดังรูปที่ 18.56 (1)}
144. จากรูปที่ 18.56 (1) สรางเสนคูข นาน โดยใชคําสัง่ Modify4Offset ตามวิธีในขอที่ 12 เมือ่
ปรากฏ Specify offset distance... กําหนดระยะหาง 0.142 หนวย เมือ่ ปรากฏ Select object to
offset... คลิกเสนจุดที่ 1 เมือ่ ปรากฏ Specify point on side to offset... คลิกจุดที่ 2 เมือ่ ปรากฏ
Select object to offset... แลวคลิกขวา เพือ่ ออกจากคําสัง่ จะปรากฏดังรูปที่ 18.56 (2)
145. จากรูปที่ 18.56 (2) เขียนเสนโคง โดยใชคําสัง่ Draw4Arc4Start, End, Direction คลิกจุดที่ 1
และจุดที่ 2 เมือ่ ปรากฏขอความ Specify tangent direction... พิมพ @1<48 แลวกดปุม Q
จะปรากฏดังรูปที่ 18.56 (3)
รูปที่ 18.58
Note ผูเ ขียนไมสามารถทีจ่ ะแสดงขัน้ ตอนการเขียนรูปดานอืน่ ๆ อาทิ เชน รูปดานซาย รูปดานขวา รูปดานหลัง
เพิม่ เติมได เนือ่ งจากจะสิน้ เปลืองหนากระดาษไปโดยเปลาประโยชน เพราะการเขียนรูปดานอืน่ ๆ ก็ใช
2D Drafting
วิธีการและขั้นตอนตามที่ไดอธิบายมาแลวในแบบฝกหัดนี้ ผูอานสามารถเขียนรูปดานอื่นๆ ไดดวย
ตนเองโดยเพียงแตหาพืน้ ที่วา งๆ ในไฟลเดียวกันนี้ ณ ตําแหนงอื่นทีม่ ีระยะหางที่เหมาะสม แลวลงมือ
เขียนรูปดานอืน่ ๆ ตอไปไดทนั ที โดยไมตอ งสนใจวาตําแหนงของรูปดานทีจ่ ะเขียนจะอยู ณ ตําแหนงใด
แตก็ไมควรจะอยูไกลกันกับรูป ดานอื่นๆ มากนัก เพื่อสะดวกในการมองเห็น ในการพิจารณาวา
รูปชิน้ งานใดจะถูกเขียนในไฟลใดนัน้ ถาชิน้ งานปรากฏบนแบบแปลนทีพ่ มิ พลงกระดาษแผนเดียวกัน
ชิ้นงานเหลานั้นควรจะตองอยูในไฟลเดียวกันดวย ตัวอยาง เชน แบบแปลน 1 แผน มีภาพฉายแสดง
รูปดานหนา รูปหนาหลัง รูปดานซายและรูปดานขวา เราควรจะเขียนชิน้ งานรูปดานหนา รูปหนาหลัง
รูปดานซายและรูปดานขวาพื้นที่โมเดลสเปสซึ่งอยูในไฟล .dwg เดียวกัน เปนตน อยางไรก็ตาม เรา
สามารถแยกเขียนในแตละไฟล .dwg ไดเชนเดียวกัน เพราะ Sheet Set Manager จะสามารถชวยใน
การจัดการไฟล .dwg จํานวนมากไดอยางสะดวก
รูปที่ 18.60
Note ตรวจสอบมุมมอง Views ทั้งหมดทีไ่ ดบันทึกไว โดยใชคําสั่ง View4Named Views เมือ่ ปรากฏ
ไดอะล็อค View คลิกบนชือ่ ที่ตอ งการตรวจสอบ แลวคลิกบนปุม Set Current แลวคลิกบนปุม OK
Note ไฟล House.dwg ที่ถกู สรางในแบบฝกหัดนีไ้ ดถกู บันทึกไวในโฟลเดอร \Exercise\Sheet Sets บนแผน
DVD-ROM มัลติมีเดียชวยสอนแนบทายหนังสือคูมือเลมนี้ ผูอ านสามารถคัดลอกมาใชงานตอไปใน
แบบฝกหัดนีไ้ ด
รูปที่ 18.63
166. จากรูปที่ 18.63 (ซาย) คลิกขวาบนชื่อชีทเซท บานเดี่ยว 2 ชัน้ เลือกคําสั่ง Properties จะ
ปรากฏหนาตาง Sheet Set Properties ดังรูปที่ 11.52 (ซาย-บน) คลิกบนปุม ของอิดทิ บอกซ
167. ในขณะทีย่ งั คงปรากฏหนาตาง Sheet Set Properties ดังรูปที่ 11.52 (บน-ซาย) คลิกบนปุม
ของ Sheet storage location เพือ่ ระบุโฟลเดอรทจี่ ะจัดเก็บไฟลแบบแปลนหรือชีททัง้ หมด โดย
เลือกโฟลเดอร C:\ Documents and Settings\User name\My Documents\AutoCAD Sheet Sets
168. ในขณะที่ยังคงปรากฏหนาตาง Sheet Set Properties ดังรูปที่ 11.52 (บน-ซาย) คลิกบนปุม
ของ Sheet creation template เพือ่ ระบุโฟลเดอรทจี่ ดั เก็บไฟลตารางรายการแบบทีจ่ ะนํา
มาใชงานกับ Sheet ทีส่ รางใหม เมือ่ ปรากฏไดอะล็อค Select layout as Sheet Template ใหคลิก
บนปุม แลวเลือกไฟล MySheetSetTemplate.dwt ในโฟลเดอร C:\ Documents and
Settings\User name\My Documents\AutoCAD Sheet Sets หรือ C:\Documents and
Settings\Administrator\Local Settings\Application Data\Autodesk\AutoCAD 2006\R16.2\
enu\Templateแลวคลิกบนปุม Open ใหเลือกเลเอาท ISO-A3-M (เนื่องจากชิ้นงานมีหนวย
เปนเมตร) แลวคลิกบนปุม OK ของไดอะล็อค Select layout as Sheet Template แลวคลิกบนปุม
OK ของหนาตาง Sheet Set Properties จะปรากฏไดอะล็อคดังรูปที่ 18.64 (ซาย) ถามวาเราตอง
การอับเดทการเปลีย่ นแปลงในกลุม ยอยซับเซทดวยหรือไม ในทีน่ ใี้ หคลิกบนปุม Yes
รูปที่ 18.64
2D Drafting
รูปที่ 18.66
รูปที่ 18.68
Note หากสัญลักษณ Callout Block และ Label Block for Views ปรากฏในตําแหนงที่ไมเหมาะสม เรา
สามารถคลิกใหปรากฏจุดกริ๊ปส แลวยายบล็อคไปอยูในตําแหนงใหมทเี่ หมาะสมไดตามตองการ
176. เนือ่ งจากบล็อคสัญลักษณ Callout และบล็อค LabelBlock นัน้ อยูใ นเลเยอร Viewport ดังนัน้
หากทําการพิมพแบบแปลน บล็อคสัญลักษณ ดังกลาวจะไมปรากฏบนเครือ่ งพิมพ เนื่องจาก
เลเยอร Viewport ถูกกําหนดสถานะ ไมพมิ พไว ดังนัน้ เราจะตองเปลีย่ นเลเยอรใหกบั บล็อค
ทัง้ หมด โดยในขณะที่ บรรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่ ใดๆ คลิกบนบล็อคสัญลักษณ Callout
และบล็อค LabelBlock ทีป่ รากฏในรูปที่ 18.69 ทั้งหมดใหปรากฏจุดกริ๊ปส แลวเลือกเลเยอร
จากแถบรายการควบคุมเลเยอร แลวกดปุม D
177. จากรูปที่ 18.64 (ขวา) เริม่ สรางชีทแผนวางๆ ขึ้นมาใหม โดยคลิกแถบคําสั่ง Sheet List แลว
คลิกขวาบนกลุม ยอย(Subset)ของ แบบสถาปตยกรรม ซึง่ ปรากฏในชองหนาตาง Sheets แลว
เลือกคําสัง่ New Sheet จะปรากฏไดอะล็อค New Sheet ปอนหมายเลขแผน A-02 ในอิดทิ บอกซ
Number ปอนชือ่ ชีท แบบขยายรูปประตูหนาตาง ในอิดทิ บอกซ Sheet title จะปรากฏชือ่ ไฟล
.dwg ในอิดทิ บอกซ File name ดังรูปที่ 18.70 (ซาย) แลวคลิกบนปุม OK จะปรากฏชือ่ ชีทใหม
A-02 - แบบขยายรูปประตูหนาตาง บนชองหนาตาง Sheets ของ Sheet List ใน Sheet Set
Manager ดังรูปที่ 18.70 (ขวา)
รูปที่ 18.70
รูปที่ 18.71
รูปที่ 18.72
รูปที่ 18.75
184. เนือ่ งจากบล็อคสัญลักษณ Callout และบล็อค LabelBlock นัน้ อยูใ นเลเยอร Viewport ดังนัน้
หากทําการพิมพแบบแปลน บล็อคสัญลักษณ ดังกลาวจะไมปรากฏบนเครือ่ งพิมพ เนื่องจาก
เลเยอร Viewport ถูดกําหนดสถานะไมพมิ พไว ดังนั้น เราจะตองเปลี่ยนเลเยอรใหกับบล็อค
ทัง้ หมด โดยในขณะทีบ่ รรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่ ใดๆ คลิกบนบล็อคสัญลักษณ Callout
และบล็อค LabelBlock ทีป่ รากฏในรูปที่ 18.75 ทั้งหมดใหปรากฏจุดกริ๊ปส แลวเลือกเลเยอร
จากแถบรายการควบคุมเลเยอร แลวกดปุม D
รูปที่ 18.76
รูปที่ 18.77
รูปที่ 18.78
2D Drafting
Note กอนเขียนเสนบอกขนาด เราจะตองทําใหพนื้ ทีด่ า นลางของรูปที่ 18.78 (ซาย) ใหเปนพืน้ ทีว่ า ง โดยเคลือ่ น
ยายบล็อค Label Block และบล็อค Callout ลงดานลางใหมีพื้นที่เพียงพอสําหรับเขียนเสนบอกขนาด
รูปที่ 18.79
รูปที่ 18.80
2D Drafting
Note คาตัวเลข 2.5 มาจากในสูตรไดมาจาก Text height ในคําสั่ง Format4Dimension Style ðModify
ðText หากมีการเปลีย่ นแปลงคา Text height เปนคาอื่น เราจะตองนําคานั้นมาใชในสูตรแทนคา 2.5
รูปที่ 18.81
2D Drafting
รูปที่ 18.83
รูปที่ 18.84
Note สารบัญแบบทีส่ รางจาก Sheet Set Manager คือตารางซึง่ แสดงรายชือ่ แบบแปลนทัง้ หมดทีม่ ีชอื่ ปรากฏ
อยูบนชองหนาตาง Sheet Set Manager โดยอัตโนมัติ หากมีการเพิ่มเติมชีทแผนใหม(New Sheet)
2D Drafting
หรือมีการเปลีย่ นชือ่ ชีทหรือเปลี่ยนหมายเลขแผน(Rename & Renumber) หรือลบชีท(Remove Sheet)
ออกจาก Sheet Set Manager เราสามารถปรับปรุง(Update)ตารางสารบัญแบบตามการเปลีย่ นแปลงไป
ดวย เพียงแตคลิกขวาบนตารางสารบัญแบบแลวเลือกคําสั่ง Update Sheet List Table เทานัน้ การสราง
ตารางสารบัญแบบดวย Sheet Set Manager จึงชวยใหเราประหยัดเวลาไมตอ งพิมพรายชื่อแบบแปลน
จํานวนมากเขาไปในตารางสารบัญแบบ เพราะโปรแกรมจะจัดการนํารายชื่อและหมายเลขแผนจาก
Sheet Set Manager มาสอดแทรกบนตารางสารบัญแบบโดยอัตโนมัติ และยังเชือ่ มโยงความสัมพันธกบั
รายชื่อแบบแปลนทั้งหมดที่ปรากฏอยูใน Sheet Set Manager อีกดวย
รูปที่ 18.85
207. จากรูปที่ 18.85 (ขวา) คลิกขวาบนชือ่ ชีท A-00 สารบัญแบบ แลวเลือกคําสัง่ Open จะปรากฏ
ตารางรายการแบบเปลาๆ ดังรูปที่ 18.85 (ขวา)
208. จากรูปที่ 18.85 (ซาย) สรางตารางสารบัญแบบ โดยคลิกขวาบนชื่อชีทเซท บานเดี่ยว 2 ชั้น
ในชองหนาตาง Sheets บนหนาตาง Sheet Set Manager แลวเลือกคําสัง่ Insert Sheet List
Table จะปรากฏไดอะล็อคดังรูปที่ 18.86 คลิกใหปรากฏเครือ่ งหมาย บนเช็คบอกซ Show
Subheader เพือ่ แสดงชื่อกลุมยอยบนตารางและจัดชีทตางๆ ใหอยูใ นกลุม พิมพชื่อตาราง
ตารางสารบัญแบบ ในอิดิทบอกซ Title Text แกไข Heading text ในชองหนาตาง Column
Settings ให Sheet Number เปน หมายเลขแผน และ Sheet Title เปน ชือ่ แบบแปลน ตามลําดับ
รูปที่ 18.86
รูปที่ 18.87
รูปที่ 18.88
2D Drafting
210. จากรูปที่ 18.87 (ซาย) ในขณะที่บรรทัด Command: ไมปรากฏคําสัง่ ใดๆ คลิก ณ จุดใดๆ บน
ตารางสารบัญแบบใหปรากฏจุดกริป๊ สสนี า้ํ เงิน แลวคลิกขวาบนตารางสารบัญแบบ จะปรากฏ
ช็อทคัทเมนู ใหเลือกคําสัง่ Update Sheet List Table ตารางสารบัญแบบจะไดรบั การปรับปรุง
เพิม่ ชีทแผนใหมเขาไปในตารางดังรูปที่ 18.88 (ขวา) และรูปที่ 18.89
Note หากตอไปมีชที แผนใหมเพิม่ เติมขึน้ มาในหนาตาง Sheet Set Manager อีก เราก็สามารถปรับปรุงขอมูล
ในตารางสารบัญแบบใหเปลีย่ นแปลงตามแบบแปลนใหมทเี่ พิ่มขึ้นไดอยางสะดวกและรวดเร็ว
รูปที่ 18.89
รูปที่ 18.90
Note จากตัวอยางการใชงาน Sheet Set ในแบบฝกหัดนี้ เราจะเห็นไดวา การใช Sheet Set Manager ชวยใน
การนําตารางรายการแบบเขามาใชงาน จัดหนากระดาษ สรางวิวพอรทและกําหนดมาตราสวนจะ
คอนขางสะดวกกวาวิธกี ารเขียนแบบและจัดหนากระดาษแบบธรรมดาเปนอยางมาก หากมีชีทจํานวน
มาก เราจะสามารถจัดการกับชีทตางๆ ไดโดยงาย เพราะสามารถควบคุมไดจาก Sheet Set Manager
เพียงจุดเดียว นอกจากนี้ เรายังสามารถสัง่ พิมพชที (Sheet)ทุกแผนโดยคลิกขวาบนชือ่ ชีทเชท บานเดีย่ ว
2 ชั้น แลวใชคําสั่ง Publish4Publish to Plotter หรือสั่งพิมพเฉพาะแบบแปลนทุกแผนที่อยูในกลุม
โดยคลิกขวาบนชื่อกลุม แลวเลือกคําสั่ง Publish4Publish to Plotter ไดเชนเดียวกัน ถาหากตอง
การพิมพชที (Sheet)บางแผนไมวา ชีทนัน้ จะอยูใ นกลุม หรือในซับเซทใด เราสามารถกดปุม E คางไว
แลวคลิกเพื่อเลือกแบบแปลนบางแผนหรือหลายแผนที่ตอ งการพิมพ แลวคลิกขวาบนชีททีถ่ ูกเลือก
แลวเลือกคําสั่ง แลวเลือกคําสั่ง Publish4Publish to Plotter ไดเชนเดียวกัน